แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์เอฟเอคัพไปครองได้สำเร็จในแบบแมนฯ ยูฯ สไตล์ เมื่อเฉือนชนะคริสตัล พาเลซไป 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ แบบต้องมีดราม่ามาช่วยเพิ่มความไม่ธรรมดาให้กับเกม
ผีแดงเป็นฝ่ายครองบอลได้เหนือกว่าและมีโอกาสลุ้นมากกว่า แต่กลับเป็นอินทรีผงาดที่มาได้ประตูออกนำจากตัวสำรองอย่างเจสัน พันเชียนในนาทีที่ 78
ก่อนที่ฆวน มาตาจะตีเสมอได้เร็วในอีก 3 นาทีให้หลัง ทำให้เสมอกันไป 1-1 และต้องไปสู้กันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษเหมือนกับเมื่อ 26 ปีก่อน ที่ทั้งสองทีมเคยเป็นคู่ชิงกันมาแล้ว
สถานการณ์ของแมนฯ ยูไนเต็ดตกเป็นรองในนาทีที่ 105 เมื่อคริส สมอลลิ่งโดนใบเหลืองใบที่สองต้องออกจากสนามไป แต่อีก 5 นาทีต่อมา ผีแดงก็ได้ประตูชัยจากเจสซี่ ลินการ์ดที่ลงมาเป็นซูเปอร์ซับในนัดนี้
ขณะที่ในระหว่างเกมก็มีประเด็นเรื่องการทำหน้าที่ของมาร์ค แคลทเทนเบิร์ก ซี่งเพิ่งถูกพูดถึงในฐานะกรรมการที่ดีที่สุดของอังกฤษคนปัจจุบัน
และมีโปรแกรมจะลงตัดสินในแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศวันเสาร์นี้ด้วย เมื่อการตัดสินใจเป่าฟาวล์เร็วเกินไปของเขาทำให้พาเลซเสียประโยชน์ในเกมเร็วไปถึง 2 ครั้ง 2 หนในครึ่งแรก
นอกจากนั้นยังมีปัญหาการบาดเจ็บของนักเตะที่ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดต้องแก้เกม โดยหลังจากมาร์กอส โรโฮโดนฟาวล์หนักจนเจ็บและเล่นต่อไม่ไหว หลยส์ ฟาน ฮัลก็ต้องทำในสิ่งที่เขาเป็นประจำในฤดูกาลนี้ นั่นคือการเปลี่ยนตัวในตำแหน่งฟูลแบ็ก ด้วยการส่งมัตเตโอ ดาร์เมี่ยนลงไปแทนในนาทีที่ 66
ที่สำคัญคือในอีก 6 นาทีต่อมา ผีแดงก็ต้องเสียมาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในเกมรุกของทีมไปอีกคน เพราะโดนย่ำเข้าไปจนเจ็บเข่าและเล่นต่อไม่ไหว ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะส่งผลร้ายแรงต่อเขาจนถึงขั้นพลาดโอกาสไปลุยยูโรหรือเปล่า
แต่โชคดีที่โควตาเปลี่ยนตัวสุดท้ายของผีแดงที่ยังเหลืออยู่คือการส่งลินการ์ดลงไปแทนมาตาในนาทีสุดท้ายของเกม และเขาก็ทำประตูชัยให้กับทีมได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ช่วยให้ฟาน ฮัล ยังคงรักษาสถิติที่ดีเยี่ยมของเขาในการนำทุกทีมที่เขาคุมคว้าแชมป์ได้เสมอ!!!!
ขณะที่ขุนพลปิศาจแดงชุดนี้ก็ได้สัมผัสกับถ้วยใบนี้กันเป็นครั้งแรก ไม่นับมาตาที่เคยคว้าแชมป์กับเชลซีมาก่อน
เพราะตอนที่แมนฯ ยูไนเต็ดได้แชมป์เอฟเอคัพครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2004 นั้น ยังไม่มีใครในทีมชุดนี้ลงเล่นให้กับทีมในตอนนั้น
เวย์น รูนี่ย์ กัปตันทีมคนปัจจุบัน ย้ายมาร่วมทีมในซัมเมอร์นั้น และได้เข้าชิงแชมป์เอฟเอคัพกับทีมตั้งแต่ปีแรก เขาโชว์ฟอร์มได้ดีจนได้รับเลือกเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ แต่น่าเสียดายที่แมนฯ ยูไนเต็ดต้องอกหักในการดวลจุดโทษตัดสินกับอาร์เซนอล หลังจากทำอะไรกันไม่ได้ใน 120 นาที
ในอีก 2 ปีถัดมาคือในปี 2007 รูนี่ย์ก็มีโอกาสได้ลุ้นแชมป์เอฟเอคัพอีกครั้ง แต่คราวนี้แมนฯ ยูไนเต็ดก็ต้องพลาดหวังอีกรอบ เมื่อถูกเชลซีเฉือนชัยไป 1-0 จากประตูโทนของเกมในนาทีที่ 116
และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผีแดงได้เข้าชิงชนะเลิศ ก่อนจะมาทำได้อีกครั้งในปีนี้ และได้สมหวังซักที พร้อมทำสถิติครองแชมป์สูงสุดสมัยที่ 12 ได้เท่ากับอาร์เซนอล หลังจากถูกแซงไปเมื่อปีก่อน
รูนี่ย์ที่อยู่กับแมนฯ ยูไนต็ดมานานกว่าใคร ๆ ในทีมชุดปัจจุบัน ได้ครองแชมป์เอฟเอคัพเป็นสมัยแรกซักที หลังจากได้แชมป์พรีเมียร์ลีกมา 5 สมัย แชมป์ลีกคัพ 2 สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีก 1 สมัย
และครั้งนี้เขาก็ได้รับเลือกเป็นแมนออฟเดอะแมตช์อีกครั้ง กับบทบาทใหม่ในตำแหน่งมิดฟิลด์ ซึ่งเจ้าตัวทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีในช่วงท้ายฤดูกาลนี้ และถูกมองว่าอาจจะเป็นบทบาทใหม่อย่างเต็มตัวของดาวเตะวัย 30 ปีรายนี้ รวมไปถึงกับทีมชาติอังกฤษด้วย
เกมนี้รูนี่ย์แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทที่เต็มเปี่ยม เขาลงไปล้วงบอลเองและคอยแจกจ่ายให้กับเพื่อนร่วมทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชนิดที่ทำให้หลายคนนึกถึงอดีตมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดที่ผีแดงเคยมีมาอย่างพอล สโคลส์เลยทีเดียว
ในขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ดตกเป็นรอง รูนี่ย์ก็แสดงบทบาทกัปตันทีมได้อย่างดีเยี่ยมด้วยการวิ่งเป็นม้าไปทั่วสนาม และยังโชว์ลีลาการพาบอลลุยผ่านกองหลังไปได้อย่างเหนือชั้น ก่อนจะเปิดบอลเข้ากลางไปเสาสองจนกลายเป็นประตูตีเสมอของทีม
แม้จะถูกค่อนขอดเรื่องฟอร์มการเล่นมาเกือบตลอดฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงแรก ๆ ที่แมนฯ ยูไนเต็ดมีปัญหาเรื่องการทำประตู ก่อนจะมีสองกองหน้าดาวรุ่งอย่าง อ็องโตนี่ มาร์ซิยาล และ แรชฟอร์ด เข้ามาเป็นตัวเปรียบเทียบอีก
แต่สุดท้ายรูนี่ย์ก็ยังยืนหยัดแสดงให้เห็นถึงคุณค่าในตัวของเขาว่ายังคงเป็นนักเตะที่ดีที่สุดคนหนึ่งของแมนฯ ยูไนเต็ด แบบที่ใคร ๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูนี่ย์คือนักเตะตัวพ่อของผีแดงอย่างแท้จริง




