5 ปัจจัย “ผี” กลับมาผงาด

23.01

 

ช่วงใกล้คริสต์มาสแบบนี้ ใครๆ ที่เป็นพลพรรคคนรัก “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็จะรู้สึกยิ้มแย้มแจ่มใสขึ้นมาได้บ้าง

หลังจากที่นัดล่าสุด บุกไปเอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน หรือทีม “มวยโลก” ขวัญใจชาวไทย ไป 2-0 เป็นชัยชนะ 3 นัดติดครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม

และทำคะแนนไล่จี้ อันดับ 4 ที่เป็นโควต้าสุดท้าย ไปยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แค่ 4 แต้มเท่านั้น แต่สำหรับเรื่องแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ บอกเลยว่า โคตรยาก!

เพราะหลังจากแพ้ทีมเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญ คาบ้าน เมื่อเดือนกันยายน จากนั้นมา ก็เบรกสะบัด คลัตช์เสีย เกียร์หลุด เครื่องสะดุด เพลาหัก สลักหาย ทำแต้มหล่นเยอะมากในช่วงที่ผ่านมา

แต่อะไร ที่เป็นปัจจัย ที่ทำให้พวกเขา กลับคืนสู่ฟอร์มที่ดีในช่วงเวลานี้ ซึ่งสามารถวิเคราะห์ ออกมาได้ 5 ข้อ ดังที่จะเล่าต่อไปนี้

Man1

ซลาตัน กลับมาเป็นคนเดิม

หนึ่งในปัญหาใหญ่ของ ยูไนเต็ด ที่ถูกยกให้เป็น “วาระแห่งชาติ” ตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา นั่นก็คือ “เกมรุก” โดยเฉพาะศูนย์หน้าวัยเก๋าชาวสวีดิชรายนี้ มีอยู่ช่วงหนึ่ง เคยทำสถิติ “เท้าบอด” ยิงได้ประตูเดียว จาก 11 เกมรวมทุกรายการ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น ลงเล่น 5 นัด ยิงได้ 5 ประตู

หัวหอกวัย 35 ปี เป็นผู้เล่นที่พลาดโอกาสทอง ในจังหวะยิงประตู ถึง 8 ครั้ง มากที่สุดในลีก โดยเฉพาะนัดที่ทีมพ่าย แมนฯ ซิตี้ กับวัตฟอร์ด รวมถึงนัดที่ทำได้แค่เสมอ ลิเวอร์พูล, สโต๊ค, เบิร์นลี่ย์ และเวสต์แฮม

แน่นอนว่า ทำให้อิบราฮิโมวิช เสียศูนย์ สูญเสียความมั่นใจไประยะหนึ่ง แต่เขาก็กลับมาคลำเป้าเจออีกครั้ง ในนัดที่บุกชนะ สวอนซี 3-1 เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน และทำสถิติ 10 ตุง จาก 9 เกมหลังสุดทุกรายการ ก่อนถึงบ็อกซิ่งเดย์

นอกจากนี้ ศูนย์หน้าเบอร์ 9 ยังสะสมประตูในพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 11 ประตู ตามหลังผู้นำอย่าง ดิเอโก้ คอสต้า ของเชลซี แค่ 2 ลูกเท่านั้น และทีท่าว่า จะมีอีกเรื่อยๆ ซะด้วย

MAN2

2. ปอล ป็อกบา เจอตำแหน่งที่ใช่แล้ว ?

เมื่อปี 2012 “เร้ด เดวิลส์” ปล่อยป็อกบาไปให้ ยูเวนตุส แบบฟรีๆ แต่การกลับมาโรงละคร ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทำให้ทีมแชมป์ลีกอังกฤษ 20 สมัย ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นสถิติโลกถึง 89.3 ล้านปอนด์ นั่นเท่ากับว่า โจเซ่ มูรินโญ่ จะต้องพยายามส่งเขาลงสนามทุกนัด ห้ามดร็อปเป็นอันขาด (ยกเว้นเจ็บ)

แน่นอนครับ คนที่ต้องปวดหัวที่สุด ก็ต้องเป็น มูรินโญ่ นี่แหละครับท่านผู้ชม เพราะจะต้องค้นหาสิ่งที่ดีที่สุด ในการสร้างทีมขึ้นมา เพื่อนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกรายนี้

ในแผนการเล่นแบบ 4-3-3 เขาได้รับบทบาทเป็นนักเตะประเภท “Box-to-Box” คือเป็นกองกลางประเภทวิ่งพล่านทั่วสนาม ตั้งแต่แดนตัวเองยันแดนตรงข้าม ประมาณว่าเป็นทั้งตัวรับและตัวรุกในคนเดียวกัน ซึ่งต้องมีความ “อึด” อย่างสูง

อย่างเช่นในนัดที่พบกับ คริสตัล พาเลซ ป็อกบาเป็นผู้ทำประตูขึ้นนำ 1-0 ให้ทีม ก่อนที่จะ “แอสซิสต์” ให้ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ทำประตูชัย 2-1 ช่วงท้ายเกม ดูเหมือนว่ามิดฟิลด์วัย 23 ปี จะช่วยสร้างประโยชน์ให้ทีมได้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

Man3

3. ขาด “คาร์ริค” เหมือนขาด “ใจ”

หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน ได้ลงเล่นบ้าง ไม่ได้ลงบ้าง ห้องเครื่องชาวอังกฤษวัย 35 ปี รายนี้ ก็กลับมาเป็นกำลังสำคัญ ให้กับทีม “ปีศาจแดง” อีกครั้ง และได้ลงเล่นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน เป็นต้นมา นับเป็นผู้เล่นที่มีส่วนสำคัญ มากกว่า ซลาตัน หรือ ป็อกบา เสียอีก

ถึงแม้ว่า สังขารจะไม่อำนวยเหมือนป็อกบา และ อันเดร เอร์เรร่า แต่คาร์ริค ก็มีส่วนช่วยให้การเล่นของทีม มีความเร็วมากขึ้น และประสานงานกับเพื่อนร่วมตำแหน่งกองกลางได้อย่างยอดเยี่ยม

ดูได้จากผลงานของทีม ในฤดูกาลนี้ เมื่อมีคาร์ริคลงสนาม ปรากฏว่า ทีมไม่แพ้เลย ชนะถึง 10 เสมอ 2 ซึ่งช่างแตกต่างเสียเหลือเกิน กับผลงานในยามที่ไม่มีเขา (ชนะ 6 เสมอ 4 แพ้ 5)

Man4

4. คู่กาก “โรโฮ-โจนส์” กลายเป็น “คู่เก่ง”

ในวันวาน เมื่อใดก็ตามที่ มาร์กอส โรโฮ และ ฟิล โจนส์ ลงคู่กันในตำแหน่ง “เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ” เท่านั้นแหละ มักจะสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้า ให้กับ “เรด อาร์มี่” เป็นประจำ และก็เป็นที่ล้อเลียน เย้ยหยันของแฟนบอลทีมคู่แข่งอย่างสนุกสนาน แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดี อย่างไม่น่าเชื่อ

เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ในช่วงที่ยูไนเต็ด ประสบปัญหานักเตะเจ็บ “คู่หู” คู่นี้ ช่วยให้ทีม ไม่เสียประตู เกิน 1ลูก แถมไม่แพ้ทีมใด 10 นัดติดต่อกัน รวมทั้งทำคลีนชีตในนัดที่ชนะสเปอร์ส และเวสต์บรอมวิชอีกด้วย

โรโฮ และโจนส์ ติด 10 อันดับแรกผู้เล่นที่เข้าสกัดบอลมากที่สุดในลีก และถ้ายังรักษาฟอร์มที่ยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่องล่ะก็ เอริก ไบยี่ และ คริส สมอลลิ่ง คงจะเจองานหนักอย่างแน่นอน ในการแย่งตัวจริงกลับมา

 

MAN5
5. จิตวิญญาณของทีมกลับคืนมา

ก่อนหน้านี้ โจเซ่ มูรินโญ่ ถูกตั้งคำถาม เรื่องการวิพากษ์วิจารณ์นักเตะออกสื่อ หลายต่อหลายคน แต่ตอนนี้ กุนซือชาวโปรตูกีส กลับทำในสิ่งที่ทำให้ “เร้ด อาร์มี่” อดชื่นชมไม่ได้ ก็คือการประกาศมอบชัยชนะเหนือสเปอร์ส 1-0 ให้กับดาวเตะหัวฟูรายนี้ และล่าสุด ออกมาชื่นชมแฟนบอลที่เลิกโห่ใส่เขาแล้ว

นั่นแสดงให้เห็นว่า สปิริตของทีมกำลังกลับมา อย่างที่แกรี่ เนวิลล์ นักวิจารณ์ชื่อดัง ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ “ผมคิดว่า โมเมนตัมของทีม กำลังสร้างขึ้นมา เราจะได้เห็นนักเตะฉลองด้วยกันหลังจบเกม มันทำให้เรารู้สึกว่า สปิริตของทีมกำลังกลับมา”

“สิ่งที่ผมเห็นในตอนนี้ เป็นมากกว่าที่เคยเป็น นักเตะของเรากำลังทำผลงานได้ดีกว่าเดิม มันอาจจะมีบางช่วงที่ผลงานตกลงไปบ้าง แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับ คือ บุคลิกภาพ, ความแข็งแกร่ง และตัวตนที่แท้จริง”