ทีมชาติไทย บุกไปปราชัยต่อเวียดนาม 1-2 ท่ามกลางความผิดพลาดต่างๆ นานามากมาย แต่ในข้อเสีย ก็ยังพอมีแสงสว่างให้เห็น และด้วยสกอร์ที่ตามหลังเพียงลูกเดียว มันไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาเลย และนี่คือ 10 ข้อ ที่ ‘SIAMSPORT’ อยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!
มาซาทาดะ จัดตัวผู้เล่นเซอร์ไพรส์พอสมควรเมื่อส่ง เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่สลัดอาการบาดเจ็บลงสนามเป็น 11 ผู้เล่นชุดแรก แถมยังเปลี่ยนคู่มิดฟิลด์ที่ปกติจะใช้ วีระเทพ ป้อมพันธ์ กับ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี อีกต่างหาก
ส่วนเซนเตอร์ฮาล์ฟยังคงใช้ พรรษา เหมวิบูลย์ และ เฉลิมศักดิ์ อักขี เป็นนัดที่สองติดต่อกัน ซึ่งเป็นหนแรกที่กุนซือชาวญี่ปุ่น ไม่ปรับเปลี่ยนตำแหน่งนี้
จากรายชื่อที่ออกมา อาจจะสร้างความประหลาดใจให้แฟนๆ ไม่น้อย ซึ่งก็น่าจะมาจากการที่ผู้เล่นหลายๆ รายต้องพักร่างกายให้สมบูรณ์ที่สุด เพราะนัดชิงชนะเลิศมี 2 เกม ดังนั้นนักเตะอย่าง สุภโชค สารชาติ กับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เลยอยู่ข้างสนามเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้ง 90 นาที จุดบอดที่สุดของทีมชาติไทย คือ ‘แบ็กซ้าย’ เพราะในครึ่งแรก นิโคลัส มิคเคลสัน ก็ไม่ใช่พื้นที่ถนัดของตนเอง พอครึ่งหลังเอา ทิตาธร อักษรศรี ลงมาแทน ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างเท่าใดนัก
นี่คือปัญหาใหญ่ของทัพช้างศึกมาตั้งแต่เกมแรก และมันก็คงจะเป็นต่อไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศเกมที่สองที่ ราชมังคลากีฬาสถาน เช่นกัน
ด้วยความที่ทีมชาติไทย ในยุค มาซาทาดะ อิชิอิ นั้นเน้นเล่นบอลกับพื้นเป็นหลัก อีกทั้งศักยภาพของนักเตะแต่ละรายก็เป็นจำพวกจอมเทคนิค ดังนั้นถ้าเจอสนามแข่งขันที่ค่อนข้างเรียบ เราจึงจะได้เห็นการต่อบอลแบบไหลลื่นเนียนตา
ทว่าที่ เวียต ตรี รังเหย้าของเวียดนาม นั้นสภาพผืนหญ้าค่อนข้างขรุขระอย่างชัดเจน เห็นได้จากหลายๆ จังหวะที่แข้งช้างศึกไม่สามารถชิ่งบอลกันได้ เพราะต้องจับก่อนหนึ่งทีเพื่อให้ชัวร์ ก่อนที่จะส่งต่อไปให้เพื่อน
จากการที่ไม่คุ้นชินต่อสภาพสนาม จึงทำให้การเล่นของทีมชาติไทย ช้าลงไปพอสมควร แม้จะเอาตัวรอดกันได้ แต่ก็ทุลักทุเล เนื่องด้วยสภาพพื้นดินที่ทำให้บอลกระเด้งไม่เป็นจังหวะ และแน่นอนว่ามันส่งผลต่อขุนพลช้างศึกโดยตรง
ตลอดทั้ง 7 เกมใน อาเซียน คัพ 2024 เสกสรรค์ ราตรี มีส่วนร่วมกับทีมชาติไทย ทุกนัด แม้จะมี 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ รวมถึงการไปควักบอลจากเส้นสุดท้ายในเกมชนะฟิลิปปินส์ 3-1 ทว่าผลงานโดยรวมของกองกลางจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับโอกาสที่เจ้าตัวได้รับจาก มาซาทาดะ อิชิอิ
เข้าใจว่ามิดฟิลด์วัย 21 ปี น่าจะเป็นนักเตะที่เล่นได้ตามแท็กติกของโค้ช ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดในฟุตบอลยุคปัจจุบัน แต่การที่ได้เล่นทุกเกม ตั้งแต่รอบแรก มากระทั่งถึงรอบชิงชนะเลิศแมตช์แรก ถือว่าดาวรุ่งคนนี้เป็น ‘ลูกรัก’ ของกุนซือชาวญี่ปุ่น จริงๆ
ด้วยอายุเพียงเท่านี้ เขายังสามารถพัฒนาไปได้อีกไกล แถมเจ้าตัวเองก็จัดเป็นหนึ่งในวันเดอร์คิดของสยามประเทศ ดังนั้นอนาคตข้างหน้า ยังไงหมอนี่ก็อยู่ในทำเนียบทีมชาติแน่ๆ
ทว่ากับ อาเซียน คัพ หนนี้ ถือว่ายังเร็วเกินไปสำหรับ เสกสรรค์ ยิ่งการที่เขาพยายามยิงไกลครึ่งสนาม ทั้งในเกมกับฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ยิ่งทำให้ดูไม่ค่อยเหมาะเท่าใดนัก เพราะนอกจากจะเสียบอลไปโดยเปล่าประโยชน์ เพื่อนร่วมทีมที่เตรียมจะวิ่งหาพื้นที่ ก็ใช้พลังงานโดยใช่เหตุ
กับ บุรีรัมย์ ในฤดูกาล 2024-25 เขาเพิ่งจะมีส่วนร่วมกับทีมไปเพียง 165 นาที ในทุกรายการ ซึ่งเมื่อเทียบกับทีมชาติไทย แล้ว คนละเรื่องเดียวกันเลย
นิโคลัส มิคเคลสัน กลายเป็นนักเตะที่ผลงานต่ำกว่ามาตรฐานมากๆ ใน อาเซียน คัพ 2024 ซึ่งก็เข้าใจได้ นั่นเพราะเขาถูก มาซาทาดะ อิชิอิ จับไปยืนแบ็กซ้ายนั่นเอง
จริงๆ แล้ว แบ็กซ้ายไทย มีเก่งกาจมากมาย เพราะต่อให้ตัด ธีราทร บุญมาทัน, ศศลักษณ์ ไหประโคน หรือ เควิน ดีรมรัมย์ ที่ถอนตัวบ่อยเกินไป – ทัพช้างศึกก็มีตัวเลือกที่น่าสนใจอย่าง พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, วันชัย จารุนงคราญ, ชัยวัฒน์ บุราณ, สุริยา สิงห์มุ้ย, วัฒนากรณ์ สวัสดิ์ละคร, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ และ อิรฟาน ดอเลาะ ที่สามารถยืนได้
ทว่า อิชิอิ กลับไม่เลือกพวกเขามา
มิคเคลสัน อาจจะเล่นได้ก็จริง แต่มันไม่ใช่ตำแหน่งที่สามารถดึงประสิทธิภาพของเขาออกมาใช้ได้อย่างสูงสุด ซึ่งผลที่ออกมาก็เห็นอยู่ว่าฝั่งซ้ายของไทย ‘บอดสนิท’ จริงๆ
ตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟเป็นพื้นที่ที่ มาซาทาดะ อิชิอิ ทดลองใช้ปราการหลังคู่กลางสลับกันมาตั้งแต่เกมแรก
พบ ติมอร์ เลสเต – พรรษา เหมวิบูลย์ กับ ศฤงคาร พรหมสุภะ
พบ มาเลเซีย – เฉลิมศักดิ์ อักขี กับ โจนาธาร เข็มดี
พบ สิงคโปร์ – พรรษา เหมวิบูลย์ กับ ศฤงคาร พรหมสุภะ
พบ กัมพูชา – เฉลิมศักดิ์ อักขี กับ โจนาธาร เข็มดี
พบ ฟิลิปปินส์ (นัดแรก) – โจนาธาร เข็มดี กับ ศฤงคาร พรหมสุภะ
พบ ฟิลิปปินส์ (นัดสอง) – พรรษา เหมวิบูลย์ กับ เฉลิมศักดิ์ อักขี
เพิ่งจะมีเกมกับเวียดนามนี่เองที่อดีตเฮดโค้ช คาชิมะ แอนท์เลอร์ส ให้ พรรษา และ เฉลิมศักดิ์ เล่นจับคู่เป็นนัดที่สองนัดติดต่อกัน
ในครึ่งแรกทั้งสองคนสามารถจัดการกับ เหงียน ซวน ซอน (ราฟาเอลซอน) ได้อยู่หมัด เพราะหัวหอกชาวบราซิล แทบไม่ได้กระดิก จนออกอาการหงุดหงิด กระทั่งยิงทิ้ง-ยิงขว้างไปหลายครั้ง
แต่พอการแก้เกมของ คิม ซัง-ซิก เป็นผลเท่านั้นแหละ พรรษา และ เฉลิมศักดิ์ ต่างก็ค่อยๆ โดนความแข็งแรงของดาวยิงโอนสัญชาติเล่นงานในที่สุด
จุดเด่นของทั้งสองคนคือรูปร่างสูงใหญ่ เล่นลูกกลางอากาศได้ดี แต่ก็มีข้อด้อยตรงที่ค่อนข้างเชื่องช้า และฝั่งเวียดนาม ก็รู้ดี เลยใช้มาโจมตี กระทั่งได้ 2 ประตู นั่นเอง
จริงๆ แล้วหากเป็น โจนาธาร ลงมาสักคนหนึ่ง เขาน่าจะช่วยให้เกมรับแน่นขึ้นกว่าที่เห็น เนื่องจากเซนเตอร์ฮาล์ฟเชื้อสายเดนมาร์ก มีความไวพอสมควร อีกทั้งยังเป็นแนวรับที่ชิงจังหวะเล่นบอลอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีความเกรี้ยวกราดตลอดเวลา ซึ่งสามารถข่มศูนย์หน้าฝั่งตรงข้ามได้
จากผลงานในนัดชิงชนะเลิศนัดแรก เชื่อว่า อิชิอิ คงจะเปลี่ยนคู่ปราการหลังในเกมที่สอง ณ ราชมังคลากีฬาสถาน คงจะเปลี่ยนอีกแน่นอน
ในวันที่ 11 ผู้เล่นบนแผงมิดฟิลด์ไร้ชื่อของ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี กับ วีระเทพ ป้อมพันธ์ ซึ่งเป็นตัวเลือกแรกของ มาซาทาดะ อิชิอิ ใน อาเซียน คัพ 2024 – แฟนๆ ต่างก็หวั่นๆ ว่าจะสามารถต่อกรกับเวียดนาม ได้หรือไม่ เพราะเจ้าถิ่นก็มีกองกลางเก่งกาจหลายราย แถมยังเป็นพวกทำลายเกมอีกต่างหาก
ทว่าสิ่งที่ วิลเลียม ไวเดอร์สเฌอ แสดงให้เห็นตลอด 61 นาที ในสนามนั้นสร้างความชื่นใจให้กองเชียร์ช้างศึกแน่นอน เพราะว่า ณ ตอนนี้ สยามประเทศมีอีกหนึ่งนักเตะที่ฝากความหวังได้แน่ๆ
เคลื่อนที่ตลอดเวลา, ประสานงานรับ-รุกได้เนียนตา, แข็งแรง, พละกำลังล้นเหลือ, มีความก้าวร้าวในแบบฉบับนักสู้, จ่ายบอลแม่นยำ, เลือกจังหวะเล่นได้ฉลาด และอีกหลายๆ อย่างที่เป็นคุณสมบัติของมิดฟิลด์ที่ดี
แต่ มาซาทาดะ อิชิอิ เลือกที่จะถอด ไวเดอร์สเฌอ ออกซะอย่างนั้น
เข้าใจว่าส่วนหนึ่งกุนซือชาวญี่ปุ่น ต้องการได้ประตูตีเสมอ จึงจำเป็นต้องส่งนักเตะเกมรุกลงมาให้มากที่สุด แล้วตัดสินใจให้เหลือเพียง วีระเทพ ซึ่งเป็นกองกลางธรรมชาติ เพียงคนเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม พอไม่มีผู้เล่นลูกครึ่งสวีเดน ในสนาม ดูเหมือนว่าการเชื่อมเกมระหว่างหลัง-กลาง-หน้าดูจะติดๆ ขัดๆ ไปทีเดียว ก่อนจะโดนยิงหนีห่าง 2-0 แต่ก็ยังดีที่ได้มาหนึ่งประตู มิเช่นนั้นงานของไทย คงจะยากยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว
ไม่มีใครปฏิเสธความเก่งกาจของ เอกนิษฐ์ ปัญญา เพราะนี่คือหนึ่งในผู้เล่นพรสวรรค์สูงของวงการลูกหนังไทย ทว่าการที่แนวรุกชาวเชียงราย แทบไม่ได้รับโอกาสที่ อูราวะ เร้ด ไดม่อนด์ส แถมยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอีกต่างหาก
มาซาทาดะ อิชิอิ เองก็รู้เรื่องนี้ดี เพราะเขาเองก็อยู่กับนักเตะตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจกับการให้เด็กหนุ่มชาวเชียงราย ออกสตาร์เป็นตัวจริงตั้งแต่นาทีแรก
เข้าใจว่ากุนซือชาวญี่ปุ่น คงจะ ‘ซื้อ’ ความยอดเยี่ยมของ เอกนิษฐ์ เพราะเขาเชื่อว่าแนวรุกวัย 25 ปี มีดีพอที่จะสร้างความแตกต่างระหว่างเกมได้นั่นเอง
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ อิชิอิ คาดการณ์ไว้น่าจะผิด เพราะว่าดาวเตะหมายเลข 17 อาจจะเล่นได้พอใช้ ครองบอลเหนียวแน่น ประสานงานกับเพื่อนลงตัว แต่ด้วยความที่ร้างกายไม่สมบูรณ์เต็มร้อย มันจึงไม่สามารถรีดศักยภาพที่มีออกมาได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
นอกจากนี้การได้อยู่ในสนามนานถึง 73 นาที ทั้งๆ ที่ความฟิตยังไม่ได้ มันจึงน่าแปลกใจที่ เอกนิษฐ์ ได้เล่นต่อ ซึ่งบางทีการฝืนเกินไป อาจจะเป็นผลเสียต่อตัวนักเตะในอนาคตก็ได้
เฉลิมศักดิ์ อักขี ได้รับโอกาสออกสตาร์ตเป็นตัวจริง 2 นัดติดต่อกัน ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ของตนเองได้ดีในระดับหนึ่ง เว้นเพียงการตัดสินใจที่พลาดผิดกับการเลือกที่จะล็อกหลับ เหงียน ซวน ซอน (ราฟาเอลซอน) บริเวณกลางสนามจนมาซึ่งประตูนำห่าง 2-0 ของเวียดนาม นั่นเอง
นี่คือ ‘บทเรียน’ ราคาแพงของเซนเตอร์ฮาล์ฟจาก การท่าเรือ เอฟซี เนื่องในฐานะที่ตนเองเป็นปราการด่านสุดท้าย ดังนั้นจึงไม่ควรเล่นอะไรในลักษณะนี้
ที่สำคัญก่อนการแข่งขัน เขาเองก็ไม่ควรให้สัมภาษณ์ในลักษณะไม่ให้เกียรติคู่แข่งเช่นกัน เพราะเมื่อผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามความคาดหวัง ‘ของ’ มันจะย้อนเข้าตัวได้
ยังดีที่ เฉลิมศักดิ์ แก้ตัวจากการเป็นผู้โหม่งตีตื้น 1-2 ได้สำเร็จ มิเช่นนั้นเขาอาจจะถูกวิพากษ์-วิจารณ์บนโลกโซเชียลมีเดียและในวงสนทนาไปอีกหลายวันเลยทีเดียว
คนที่สวมควรได้รับความดีความชอบจากชัยชนะเหนือไทย 2-1 นอกจาก เหงียน ซวน ซอน (ราฟาเอลซอน) ผู้ทำสองประตูและปั่นป่วนแนวรับช้างศึกซะยุ่งเหยิง ก็ต้องเป็น คิม ซัง-ซิก กุนซือของเวียดนาม นี่แหละที่วางแท็กติกแบบแยบยลกระทั่งกุมความได้เปรียบในนัดแรก
เฮดโค้ชชาวเกาหลีใต้ สั่งให้ลูกทีมของตนเองเล่นด้วยความอดทนและมีระเบียบวินัย โดยอาศัยจังหวะผิดพลาดของฝั่งตรงข้าม แล้วแปรเปลี่ยนให้เป็นสกอร์ให้ได้ ซึ่งก็ไม่แปลกที่สถิติหลังจบเกมทัพดาวทองจะเป็นรองในหลายๆ เรื่อง ยกเว้น ‘โอกาส’ ในการยิง
ตัวเลขหลังหมด 90 นาทีที่ เวียต ตรี สเตเดี้ยม – เปอร์เซ็นต์การครองบอล ทีมชาติไทย 64 ส่วนเวียดนามมีเพียง 36 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น
การผ่านบอล ทีมช้างศึกก็เหนือกว่าสุดกู่ด้วยจำนวน 464 ต่อ 255 ครั้ง
ทว่าโอกาสในการยิงนั้นเวียดนาม มีมากถึง 21 ครั้ง โดยเป็นการตรงกรอบ 9 ครั้ง และทำให้ ปฏิวัติ คำไหม ต้องออกแรงเซฟไป 7 ครั้ง
ตั้งแต่รอบแรก มาจึงถึงนัดชิงชนะเลิศ รูปแบบการเล่นของ คิม ซัง-ซิก จะเป็นลักษณะนี้เสมอ เว้นเสียแต่ว่าเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่ห่างชั้นกัน เขาจะเปิดหน้าแลกแบบไม่มีเม้ม
ในครึ่งแรกของเกมกับทีมชาติไทย เขาเลือกที่จะเก็บ เหงียน ควง ไฮ ไว้ใช้งานในครึ่งหลัง เพราะต้องการให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ค่อยๆ นวดแนวรับช้างศึกจนอ่อนแรง ซึ่งพอส่งซูเปอร์สตาร์ของประเทศลงมาก็เป็นผลทันที เนื่องจากอดีตกองกลาง เปา แอฟเซ สามารถจ่ายบอลแบบคิลเลอร์พาสได้ดี และก็มีส่วนในประตูขึ้นนำ 1-0 อีกด้วย
นี่คือผลพวงจากการวางกลยุทธ์อันสุดแสนจะเจ้าเล่ห์ของ คิม ซัง-ซิก ที่ทำให้เวียดนามเอาชนะทีมชาติไทย ในบ้านตัวเองได้เป็นหนแรกในรอบ 27 ปี เลยทีเดียว
แม้จะมีข้อผิดพลาดมากมายเกิดขึ้น แต่ด้วยสกอร์ที่ตามหลังอยู่เพียง 1-2 มันจึงไม่ใช่งานที่ยากลำบากจนเกินไปสำหรับทีมชาติไทย ที่จะพลิกสถานการณ์กลับมาได้
ในอดีต เมื่อปี 2016 ทัพช้างศึกก็บุกไปแพ้อินโดนีเซีย 1-2 ก่อนจะกลับมาเล่นที่ ราชมังคลากีฬาสถาน แล้วทุบทีม การูด้า ไป 2-0 ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ หรือในรอบรองชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์นี้ที่พลิกกลับมาเอาชัยเหนือฟิลิปปินส์ ได้สำเร็จ
ตัวอย่างมีให้เห็นมาก่อนแล้ว
ด้วยความกระหาย, การอยากพิสูจน์ตัวเอง, มาตรฐานนักเตะที่ยังเหนือกว่าเวียดนามอยู่พอสมควร, เสียงเชียร์ในสนามและการตามหลังแค่ลูกเดียว ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรง
51,560 ถูกจับจองทั้งสี่ฟากฝั่งอัฒจันทร์ ดังนั้นวันจันทร์ที่ 5 มกราคม จะเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำหรับแฟนฟุตบอลชาวไทย