6 ทีมยักษ์ใหญ่ยุโรปไร้แชมป์ซีซั่น 2024/25 – แมนยู, มาดริด, มิลาน พังยับ

ฤดูกาล 2024/25 คือฝันร้ายของบรรดายักษ์ใหญ่ยุโรป นำโดย แมนยู, เรอัล มาดริด, เอซี มิลาน ที่ไร้ถ้วยติดมือ ขณะที่ อาร์เซน่อล, ยูเวนตุส, แมนซิตี้ ก็พลาดความสำเร็จทั้งหมดอย่างไม่น่าเชื่อ

ซีซั่นนี้หลายคนบอกว่าเป็นฤดูกาลแห่งการปลดล็อก เพราะมีหลายสโมสรที่ไม่ได้สัมผัสแชมป์มากนานหรือบางทีมไม่เคยมีโทรฟี่แชมป์ตั้งแต่ก่อตัวทีม สามารถคว้าแชมป์ที่รอคอยมาประดับตู้โชว์ของสโมสรได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลนี้ยังถือเป็นซีซั่นที่สโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป 6 ทีมที่ต้องพบกับความล้มเหลวเพราะไร้โทรฟี่แชมป์ แถมบางทีมยังทำผลงานย่ำแย่จนอันดับร่วงกราวรูด และไม่ได้ไปโชว์เพลงแข้งในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปด้วย

1. เรอัล มาดริด 

สโมสรที่ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังยุโรป แต่นี่คือฤดูกาลที่แฟนบอล “ราชันชุดขาว” อยากลืมที่สุด การไร้โทรฟี่แชมป์แถมยังโดน บาร์เซโลน่า คู่ปรับตลอดกาลผงาดครองความยิ่งใหญ่ เป็นสิ่งที่ทำให้ทวีความเจ็บปวดเข้าไปอีก

บาร์ซ่า ผงาดคว้าแชมป์ ซูเปอร์โกปา, โกปา เดล เรย์ และที่สำคัญที่สุดก็คือแชมป์ ลา ลีกา ส่วน เรอัล มาดริด ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อพวกเขาชวดแชมป์ทุกรายการ ทั้งๆ ที่ทีมมีนักเตะชั้นนำมากมาย

สิ่งที่พอจะกู้หน้าให้กับ “โลส บลังโกส” ก็คือ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่ยิงประตูกระจุยจนคว้าดาวซัลโวลีกทั้งๆ ที่เพิ่งย้ายมาเล่นในซีซั่นแรกเท่านั้น สวนทางกับฟอร์มของ วินิซิอุส จูเนียร์, จู๊ด เบลลิงแฮม และ โรดรีโก้ ที่ผลงานสาละวันเตี้ยลง 

 

ขณะที่เกมรับก็อ่อนยวบ ส่วนแดนกลางที่ขาดนักเตะอย่าง โทนี่ โครส ทำให้ทีมขาดความดุดัน ฉะนั้นงานใหญ่สำหรับ ชาบี อลอนโซ่ กุนซือคนใหม่ ก็คือการดึงฟอร์มเก่งของนักเตะที่มีอยู่กลับมา และการเสริมทัพให้ดีที่สุด เพื่อทวงความยิ่งใหญ่ทั้งในลีกแดนกระทิงดุ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

2. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

นอกจากการจบฤดูกาลแบบไร้โทรฟี่แชมป์แล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนในพรีเมียร์ลีกและจบอันดับ 15 ซึ่งถือว่าย่ำแย่อย่างมาก เมื่อเทียบกับขุมกำลังของสโมสรที่เหนือกว่าเพื่อนร่วมลีกหลายทีม 

ทัพ “ปีศาจแดง” สามารถโชว์เพลงแข้งได้ดีในการแข่งขันยูฟ่า ยูโรปา ลีก และทะลุเข้ารอบชิงชนะเลิศ แต่น่าเสียดายที่โดนทีเด็ดของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่เอาชนะไปได้ ส่งผลให้ แมนยู ต้องไร้แชมป์ แถมยังไม่ได้เล่นในฟุตบอลถ้วยยุโรปทุกรายการซีซั่นหน้าด้วย

แมนยู มีขุมกำลังชั้นยอดมากมาย แต่ฟอร์มการเล่นกลับไม่โดดเด่น ขณะที่กุนซืออย่าง รูเบน อโมริม ไม่สามารถดึงศักยภาพของลูกทีมออกมาได้ และนั่นทำให้สาวก “เร้ด อาร์มี่” ต้องเจ็บช้ำทุกครั้งที่ดูเกมของทีมรัก โดยเฉพาะการเล่นในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่เน้นแพ้มากกวาชนะด้วยซ้ำ

การมาของ อโมริม เต็มไปด้วยความหวัง แต่แน่นอนว่าทีมชุดนี้ไม่สามารถเล่นได้ตามแท็กติกที่เจ้าตัวต้องการ ฉะนั้นเขาจำเป็นต้องเสริมทัพครั้งใหญ่ในทุกตำแหน่ง แต่ด้วยสถานะการเงินของ “ผีแดง” คงเป็นเรื่องยากที่จะทำได้

สำหรับฤดูกาลหน้าแฟนผีโปรเจกต์อาจมองว่าการไม่ได้เล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปทำให้ทีมมีสมาธิกับเกมลีกมากขึ้น แต่อย่าลืมว่าถ้า อโมริม และนักเตะไม่สามารถสร้างผลงานให้ดีขึ้นได้ สถานการณ์ของพวกเขาอาจจะต้องลุ้นหนีตกชั้นอีกครั้ง 

3. อาร์เซน่อล

ตอนนี้ สเปอร์ส ยุติช่วงเวลาไร้แชมป์ 17 ปีของพวกเขาได้แล้ว และนั่นหมายความว่าจะเป็นทีของแฟนบอล “ไก่เดือยทอง” ที่จะเอาคืน อาร์เซน่อล หลัง “ปืนใหญ่” ไม่มีโทรฟี่ประดับตู้โชว์ในซีซั่นนี้อีกครั้ง

การได้รองแชมป์ พรีเมียร์ลีก และคว้าตั๋วไปลุยศึแชมเปี้ยนส์ ลีก มันยังไม่เพียงพอโดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากขุมกำลังของทีม และการลงทุนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พวกเขาควรมีแชมป์ติดไม้ติดมือบ้าง

สำหรับตอนนี้ผ่านมา 5 ปี นับตั้งแต่ที่ อาร์เซน่อล ได้ชูโทรฟี่แชมป์เอฟเอ คัพ ภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือมิเกล อาร์เตต้า พวกเขายังไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อีกเลย การได้รองแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย หรือการทะลุรอบรองชนะเลิศ ศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่มีใครจดจำ !!

ในฤดูกาลหน้า อาร์เซน่อล ไม่มีข้ออ้างอะไรทั้งนัน ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถคว้าแชมป์ได้เลย งานนี้ อาร์เตต้า ต้องพิจารณาตัวเอง เพราะมันอาจถึงทางตันระหว่างเขากับสโมสรก็ได้ 

4. ยูเวนตุส

ยูเว่ ตัดสินใจเฉดหัว ติอาโก้ ม็อตต้า ออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังผลงานสุดห่วยแตก และนั่นทำให้ทัพ “ม้าลาย” ต้องเริ่มต้นใหม่ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลนี้

อดีตนายใหญ่โบโลญญ่า ได้รับการแต่งตั้งให้คุมทัพ “เบียงโคเนรี่” ช่วงซัมเมอร์ล่าสุด พร้อมกับความคาดหวังมากมาย หลังเจ้าตัวสร้างผลงานดีมีคุณภาพกับต้นสังกัดเก่าด้วยการจบอันดับ 5 ในลีก แต่สิ่งเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นเลยกับ ยูเวนตุส !!

แม้ว่า ม็อตต้า จะพยายามสร้างฟุตบอลที่เน้นเกมรุกดุดัน ให้โอกาสผู้เล่นดาวรุ่งได้เฉิดฉาย แต่แท็กติกของเขามันไม่เข้ากับทีม ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผลการแข่งขันจะออกมาย่ำแย่ 

หลังจากปลด ม็อตต้า และแต่งตั้ง อิกอร์ ทูดอร์ เข้ามากุมบังเหียน สถานการณ์ของทีมก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก แต่เดชะบุญที่พวกเขายังได้โควตาไปลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่อย่างนั้นทีมอาจจะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ย่ำแย่ยิ่งกว่านี้ 

ยูเวนตุส ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ โคปปา อิตาเลีย เมื่อฤดูกาล 2023/2024 แต่พวกเขาไม่ได้แชมป์อะไรเลยในซีซั่นนี้ ที่สำคัญ “ม้าลาย” ไม่ได้สัมผัส “สคูเด็ตโต้” นับตั้งแต่ซีซั่น 2019/2020

5. เอซี มิลาน

หนึ่งในสโมสรที่ได้ชื่อว่าประสบความสำเร็จสูงมากในวงการลูกหนังประเทศอิตาลี แต่ฤดูกาลนี้ เอซี มิลาน ต้องพบกับความผิดหวังอย่างมากทั้งในกัลโช่ เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ทัพ “ปีศาจแดงดำ” ต้องร่วงตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างน่าเจ็บปวด ขณะที่ฟอร์มในลีกสูงสุดแดนมะกะโรนีก็น่าผิดหวัง แต่ที่ยังพอกู้หน้าได้บ้างก็คือการหลุดเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศ โคปปา อิตาเลีย

พวกเขามีลุ้นความสำเร็จเมื่อดวลกับ โบโลญญ่า แต่น่าเสียดายที่ทัพ “รอสโซเนรี่” ดันไปไม่ถึงดวงดาวพ่ายแพ้ให้กับคู่แข่ง และนั่นหมายความว่าทีมจะไร้โทรฟี่แชมป์ประดับบารมี แถมยังไม่ได้ตั๋วไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปด้วย

สถานการณ์แบบนี้ทำให้ มิลาน ต้องกลับมาสร้างทีมใหม่อีกครั้ง แต่อาจจะต้องยากลำบากหน่อย เนื่องจากงบประมาณในการเสริมทัพไม่ได้เยอะมากนัก และยิ่งขาดโอกาสเล่นในยุโรปยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปใหญ่

6. แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ช่วงทศวรรษที่ผ่านมาไม่มีทีมไหนที่จะครองความยิ่งใหญ่บนเวทีลูกหนังประเทศอังกฤษเท่ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยเฉพาะการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัยซ้อนซึ่งเป็นทีมแรกบนแผ่นดินเมืองผู้ดี

อย่างไรก็ตาม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แอนด์ โค. ต้องพบกับความผิดหวังอย่างมากในฤดูกาลนี้ เมื่อพวกเขาจบฤดูกาลโดยที่ไม่มีแชมป์อะไรเลย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีของทัพ “เรือใบสีฟ้า”

แมนซิตี้ มีลุ้นที่จะมีโทรฟี่แชมป์เอาไว้ประดับตู้โชว์ในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม แต่พวกเขาโดน คริสตัล พาเลซ ทำลายความหวัง หลังพ่ายแพ้ให้กับทัพ “ดิ อีเกิ้ลส์” ด้วยสกอร์ 0-1 ที่สนามเวมบลีย์ ในรอบชิงชนะเลิศ

อย่างไรก็ตามสิ่งที่พอจะปลอบประโลม แฟนบอลแมนซิตี้ ได้บ้างก็ถือการที่ทีมสามารถจบอันดับ 3 ได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างน้อยๆ ก็ทำให้ทีมสามารถดึงดูดนักเตะชั้นนำให้ย้ายมาร่วมทัพช่วงซัมเมอร์นี้ได้