แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่สามารถกลับไปใกล้เคียงกับความยิ่งใหญ่เหมือนในยุคที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุมบังเหียน โดยทัพ “ปีศาจแดง” กลายเป็นทีมระดับกลางตารางนับตั้งแต่สิ้นยุคของ “ป๋า” จนถึงปัจจุบัน
“เซอร์เฟอร์กี้” สร้างความยิ่งใหญ่ให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการนำทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัยจาก 21 ฤดูกาล แต่หลังจากที่เขาอำลาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในปี 2013 “เร้ด เดวิลส์” กลายเป็นทีมที่ไม่มีลุ้นแชมป์ลีกอีกเลย แม้จะมีบางซีซั่นที่มีลุ้นบ้างแต่ก็แค่ทำให้แฟนผีโปรเจกต์รู้สึกตื่นเต้นชั่วครั้งชั่วคราว
ยิ่งไปกว่านั้นในช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมาสถานการณ์ของ แมนฯ ยูฯ ทำผลงานได้ย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม แถมการเสริมทัพก็ไม่สามารถช่วยอะไรทีมเลย ที่สำคัญ “ผีแดง” ยังเซ็นสัญญานักเตะห่วยๆ มาร่วมทัพมากมาย รวมถึง อ็องเดร โอนาน่า ที่เพิ่งโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ แทร็ปซอนสปอร์
ดังนั้นนี่คือ 10 การเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากหมดยุดเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งแต่ละคนทุกคนคงได้เห็นประจักษ์ชัดกับตาตัวเองกันแล้วว่า ผลงานช่างไม่คุ้มกับเม็ดเงินที่สโมสรลงทุนไปเลย
10. อองโตนี่ มาร์กซิยาล
มาร์กซิยาล อยู่กับสโมสรยาวนานถึง 9 ปี จึงอาจดูไม่ยุติธรรมที่จะบอกว่าเขาแย่มาก เพราะเห็นได้ชัดว่าเขามีคุณสมบัติบางอย่างที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เห็นว่าควรเก็บไว้ กองหน้ารายนี้มีส่วนร่วมโดยตรงกับ 144 ประตูจาก 317 เกม ให้กับยูไนเต็ด แต่เขาทำประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 10 ประตูขึ้นไปเพียง 3 ฤดูกาลจาก 9 ซีซั่น ซึ่งจำนวนนี้ถือว่าน้อยสำหรับผู้เล่นตำแหน่งกองหน้า
9. ปอล ป็อกบา
ในวันที่ฟอร์มเข้าฝัก ป็อกบา สามารถเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในพรีเมียร์ลีก อย่างไรก็ตาม มิดฟิลด์เลือดเฟร้นช์ ฟอร์มตกในช่วงปลายของการอยู่กับ “ผีแดง” โดยนักเตะเริ่มต้นด้วยการย้ายทีมเป็นสถิติโลกในขณะนั้นมูลค่า 89 ล้านปอนด์ (ราว 3,916 ล้านบาท) โดยซีซั่นที่ดีที่สุดในลีกของเขาก็คือการทำได้ 13 ประตู และแอสซิสต์ 9 ครั้ง แต่ในอีก 3 ซีซั่นถัดมา ผลงานของนักเตะล้มเหลวไม่มีชิ้นดี
8. เมสัน เมาท์
แม้ว่า เมาท์ ยังคงอยู่ในแผนการทำทีมของ รูเบน อโมริม อย่างชัดเจน เนื่องจากกุนซือชาวโปรตุกีสชื่นชอบความสามารถของนักเตะชาวอังกฤษในการเล่นได้สองบทบาทในระบบของเขา อย่างไรก็ตาม เมาท์ ยังมีเวลาในการปรับปรุงฟอร์ม แต่จนถึงตอนนี้เขาลงเล่น 50 เกม ทำได้ 4 ประตู กับ 2 แอสซิสต์ ด้วยค่าตัว 55 ล้านปอนด์ (ราว 2,420 ล้านบาท) ถือว่ายังไม่ใกล้เคียงกับความคุ้มค่าที่ควรจะเป็น แม้จะยังมีโอกาสที่เขาจะพิสูจน์ตัวเองได้ในอนาคต
7. ราสมุส ฮอยลุนด์
แมนฯ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินถึง 72 ล้านปอนด์ (ราว 3,168 ล้านบาท) เพื่อดัง ฮอยลุนด์ มาจาก อตาลันต้า แต่ผลงานของนักเตะน่าผิดหวังสิ้นดี และนั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ นาโปลี ในช่วงซัมเมอร์นี้ ผลงานซัดไป 4 ประตูจาก 32 เกมในพรีเมียร์ลีกเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา โดยสถิตรวม 26 ประตูกับ 95 เกมในทุกรายการ เป็นที่ประจักษ์ได้อย่างชัดเจนว่ามันช่างไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับเม็ดเงินที่สโมสรซื้อมา
6. อเล็กซิส ซานเชซ
ก่อนย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยการแลกตัวกับ เฮนริค มคิทาร์ยาน ตอนนั้น ซานเชซ โชว์ฟอร์มขั้นเทพให้กับ อาร์เซน่อล ด้วยการซัดไป 24 ประตูกับ 10 แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีก หลังย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด นักเตะทำได้ 7 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ ในครึ่งฤดูกาลแรกของซีซั่น 2017/2018 แต่หลังจากเดือนมกราคม เขาทำได้เพียง 2 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ ให้ “ผีแดง” โดยสองฤดูกาลถัดมา ซานเชซ ไม่สามารถทำประตูได้เกิน 1 ลูกต่อฤดูกาล หมดสภาพซูเปอร์สตาร์อย่างสิ้นเชิง สุดท้ายต้องย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน
5. เจดอน ซานโช่
หนึ่งในนักเตะแนวรุกที่มีอนาคตไกลที่สุดของโลกจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ โดย ซานโช่ ซัดไป 53 ประตูกับ 67 แอสซิสต์จาก 158 เกม ก่อนย้ายมาสู่ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยค่าตัวมหาศาล 73 ล้านปอนด์ (ราว 3,212 ล้านบาท) แต่นักเตะกลับทำผลงานล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงโดย 2 ซีซั่นทำได้แค่ 12 ประตู ก่อนโดน เอริค เทน ฮาก เฉดหัวทิ้ง และตอนนี้ก็ไม่อยู่ในแผนสร้างทีมของ รูเบน อโมริม ช่วงที่ผ่านมาโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ ดอร์ทมุนด์, เชลซี และล่าสุด แอสตัน วิลล่า การที่ ซานโช่ จะหมดสัญญาในช่วงซัมเมอร์นี้ คาดว่า “ผีแดง” คงยอมขายทิ้งแบบขาดทุนหากมีทีมไหนสนใจ แต่ถ้าไม่มีก็คงต้องยอมปล่อยฟรี
4. อ็องเดร โอนาน่า
แฟนผีโปรเจกต์ยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งว่า โอนาน่า คือผู้รักษาประตูที่ผิดพลาดมากที่สุดเท่าที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เคยมีมา ในช่วงต้นฤดูกาลที่สามของเขาที่ “โรงละครแห่งความฝัน” ตำแหน่งตัวจริงของเจ้าตัวโดนแย่งโดย อัลตาย บายินดีร์ ที่ฟอร์มก็ไม่ต่างกันนัก ! ล่าสุด “ผีแดง” คว้าตัว เซนเน่อ ลัมเมนส์ มาร่วมทัพ นั่นแสดงให้เห็นว่า โกลชาวแคเมอรูน หมดอนาคตกับทีมแล้ว และโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ แทร็บซอนสปอร์ งานนี้ค่าตัว 47.2 ล้านปอนด์ (ราว 2,077 ล้านบาท) ที่ทีมทุ่มซื้อมาจาก อินเตอร์ มิลาน มันเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
3. เมมฟิส เดอปาย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายเงินประมาณ 31 ล้านปอนด์ (ราว 1,364 ล้านบาท)ให้กับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น สำหรับนักเตะที่พวกเขาคิดว่าจะเป็นดาวจรัสแสงคนใหม่ของวงการลูกหนังประเทศอังกฤษ ตอนนั้น เดอปาย ย้ายมาร่วมทัพด้วยวัยเพียง 21 ปี หลังสร้างผลงานสุดยอดซัดไป 22 ประตูกับ 5 แอสซิสต์ในเกมลีกดัตช์ อย่างไรก็ตามเมื่อสวมเครื่องแบบ “เร้ด เดวิลส์” ฟอร์มของนักเตะไม่เหมือนเดิม โดยซัดไปแค่ 2 ประตูในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีตลอด 2 ซีซั่นที่อยู่กับทีม แต่การย้ายไปเล่นกับ โอลิมปิก ลียง นักเตะสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นอย่างน่าเหลือเชื่อ
2. ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค
ฟาน เดอ เบค มีอนาคตที่สดใสเหลือเกิน และเป็นดาวจรัสแสงวงการลูกหนังดัตช์ โดยเขาเป็นหนึ่งในแกนหลักที่เคยนำ อาแจ็กซ์ อัมเสตอร์ดัม ทะลุเข้ารอบตัดเชือก ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาล 2018/2019
กองกลางชาวดัตช์ ลงเล่น 19 เกมในพรีเมียร์ลีกสำหรับฤดูกาลแรก แต่หลังจากนั้นอีกสามปี เขาไม่เคยทำได้เท่าฤดูกาลแรกเลย เนื่องจากถูกปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน และมีหลายคนมองว่านกัเตะยังไม่ดีพอสำหรับทีม
การย้ายไป จีโรน่า ด้วยค่าตัวราว 400,000 ปอนด์ (ราว 17.60 ล้านบาท) หลังจากย้ายมาที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ (ราว 1,540 ล้านบาท)โดยสี่ปีเป็นเครื่องยืนยันถึงความตกต่ำครั้งใหญ่ของ ฟาน เดอ เบค และแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการลงทุนครั้งนี้อย่างชัดเจน
1. อันโตนี่
บางทีนี่อาจไม่ใช่แค่การเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแมนฯ ยูไนเต็ด เท่านั้นแต่ยังเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลด้วย อันโตนี่ เซ็นสัญญามาอยู่กับทีมด้วยค่าตัวมหาศาล 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,740 ล้านบาท) เมื่อปี 2022 แต่ทำได้เพียง 12 ประตูจาก 95 เกมในทุกรายการ ต้องยอมรับว่าทักษะของสตาร์ชาวบราซิเลียนไม่เหมาะกับเกมพรีเมียร์ลีก แถมในช่วงที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุมบังเหียนก็เคยสนใจแข้งรายนี้ แต่ราคาของนักเตะแค่ 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,320 ล้านบาท) เท่านั้น คำถามที่สาวก “เร้ด อาร์มี่” สงสัยก็คือทำไม เทน ฮาก ซึ่งคุมทีมตอนนั้นทำไมถึงยอมทุ่มเงินซื้อ “เดอะ หมุน” มาร่วมทัพ และผลงานของเขาไม่คุ้มค่าเลย สุดท้าย “ผีแดง” ยอมขาดทุนปล่อยนักเตะไปเล่นกับ เรอัล เบติส ช่วงซัมเมอร์นี้