เมื่อปี 2010 มาร์ค เว็บเบอร์ อดีตยอดนักขับรถสูตรหนึ่งเคยมาเยือนเมืองไทย พร้อมกับกระแสการกระพือข่าว ขอเป็นเจ้าภาพจัดฟอร์มูล่า วัน หนึ่งสนามในกรุงเทพฯ
โดยจะใช้เส้นทางถนนราชดำเนินเป็นลักษณะสตรีท เซอร์กิต คล้ายๆที่จัดในโมนาโก ถ้ายังพอจำกันได้ถึงกับเคยมีการร่างเส้นทางคร่าวๆ ขึ้นมาด้วยซ้ำว่าแกรนด์ แสตนด์ จุดสตาร์ท และเส้นชัย จะอยู่ตรงไหน?
สุดท้ายโปรเจ็คต์นั้นก็เอวัง เพราะเสียงตอบรับไม่ดีถ้าจะมาแข่งในเมือง และข้อจำกัดหลายๆประการ ทั้งการสนับสนุนจากภาครัฐ งบประมาณที่ว่ากันว่าต้องมีระดับพันล้านบาทขึ้นไป รวมทั้งอุปสรรคเรื่องสถานที่ จึงทำให้ความฝันของคนในวงการกีฬาที่จะได้เห็นทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ๆมาจัดที่เมืองไทย สลายไปอีกครั้ง

ปีนี้เห็นข่าวท่านผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย คุณสกล วรรณพงษ์ มีแผนการจะผลักดันการจัดโมโตจีพี หรือการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบในปี 2018 ก็เหมือนจะเป็นการปลุกฝันคนในวงการมอเตอร์สปอร์ตขึ้นมาอีกครั้ง
เที่ยวนี้ความเป็นไปได้มีมากกว่าการขอจัด F1 เพราะงบประมาณน้อยกว่า น่าจะอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท โดยทาง กกท.เองก็พร้อมจะสนับสนุนบางส่วน (แต่เดาว่าน่าจะเป็นส่วนน้อย 555) ที่เหลือคงต้องให้เอกชนร่วมลงขัน
สนามแข่งพร้อมอยู่แล้ว คงหนีไม่พ้นที่ BRIC หรือ บุรีรัมย์ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งมาตรฐานนั้นผ่านสบายหายห่วง แถมยังมีกลุ่มแฟนคลับกีฬาด้านนี้รวมตัวกันอยู่ รวมทั้งมีสรรพกำลังในการผลักดันให้งานใหญ่ๆเกิดขึ้นได้

การจัดมหกรรมกีฬาใหญ่ๆในบ้านในเมืองก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเหมือนกันนะครับ เพราะนอกจากจะมีผลให้เห็นเด่นชัดเป็นรูปธรรม คือเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมทั้งการได้ฝึก “คน” ในการจัดงานระดับอินเตอร์ การเรียนรู้ “โนฮาว” จากต่างชาติแล้ว ยังมีผลในเชิงมโนธรรม คือเป็นการเรียกความเชื่อมั่นของต่างชาติว่าบ้านเมืองเรายังสุขสงบน่ามาลงทุนขนาดไหน อีกเรื่องคือการปลุกจิตสำนึกให้คนในชาติโดยเฉพาะเยาวชนหันมาสนใจกีฬา
สิงคโปร์ ประสบความสำเร็จในการขายความเป็น “ซิงกาโปเรียน” มาแล้วในการจัดฟอร์มูล่า วัน อยู่ทุกๆปี ญี่ปุ่น ทำให้โลกตะลึงมาเช่นกัน กับการชิมลางส่ง ชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีและ J-Culture ไปโปรโมทโอลิมปิก 2020 ซึ่งจะจัดขึ้นที่โตเกียว
ไทยเราว่างๆ จะลองลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เลิกขัดแข้งขัดขากัน แล้วลองพยายามทำงานใหญ่ดูสักงานคงไม่มีใครว่า

