ลงเล่น, สั่งการเพื่อน แล้วออกจากสนามด้วยมาดผู้บริหาร..
นี่อาจเป็นเรื่องราวที่มีอยู่แค่ในนวนิยาย ทว่าข้ามฟากไปที่ นอร์เวย์ ดินแดนแห่งสแกนดิเนเวีย ใครจะเชื่อว่าเหตุการณ์ประหลาดเหล่านี้จะมีอยู่จริง!
เราอาจเคยได้ยินวลีที่ว่า “ไม่มีแข้งคนใดใหญ่คับฟ้ากว่าสโมสร” แต่ “เอสเปน นายสเตน” กลับทำในสิ่งที่น้อยคนนักจะทำได้ด้วยการบงการสโมสร “คองสวิงเกอร์” ทีมเล็กๆของบ้านเกิดได้ดั่งใจ
หลังจากลงเล่นให้สโมสรมากว่า 100 นัดเป็นเวลากว่า 7 ปีเมื่อ 15 ปีก่อน ในที่สุด นายสเตน ก็รีเทิร์นกลับสู่คองสวิงเกอร์ สโมสรในดวงใจเมื่อปี 2013 ที่ผ่านมา
แข้งรายนี้ย้ายจาก ลีลล์สตรอม สโมสรยักษ์ใหญ่ของนอร์เวย์ มาร่วมอดีตต้นสังกัดเก่าแบบไร้ค่าตัว ทว่านั่นไม่มีใครที่ให้ความสนใจเท่ากับบทบาทใหม่ที่เจ้าตัวได้รับกับคองสวิงเกอร์
นายสเตน นั้น ไม่ได้รีเทิร์นกลับสู่ทีมเก่าในฐานะนักเตะธรรมดาๆ หากแต่ควบบทบาท “ผู้อำนวยการทั่วไป” ยามอยู่นอกสนามไปด้วยนั่นเอง!
“ผมได้รับบทบาทใหม่ที่ คองสวิงเกอร์ เป็นบทบาทที่น้อยคนจะได้รับ” นายสเตน กล่าว “ผมเป็นทั้งนักเตะ และผู้อำนวยการทั่วไปในเวลาเดียวกัน หรือพูดง่ายๆก็คือ ผมคือคนที่คอยบงการกุนซืออีกที”
แม้จะเป็นขวัญใจของแฟนบอลมาก่อน แต่ว่ากันว่าในตอนแรกที่เจ้าตัวนั้นเข้ารับตำแหน่งดังกล่าว เล่นเอาสาวกของสโมสรถึงกับมึนงงไม่น้อย แฟนบอลส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นด้วยที่ทีมนั้นกล้าเสี่ยงเอานักเตะมาทำงานผู้บริหารในเวลาเดียวกัน
แต่ใครจะเชื่อครับว่า “นายสเตน” กลับปล่อยของ และแสดงกึ๋นที่ตนมีมากกว่าที่ใครหลายคนคิด หลังเข้ารับตำแหน่งเจ้าตัวประเดิมงานแรกด้วยการตัดสินใจแต่งตั้ง “หลุยส์ ปิเมนต้า” เทรนเนอร์ชาวโปรตุกีสเข้าคุมทีมเมื่อปี 2014

แว่บแรกหลายคนก็งง เนื่องจากไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของกุนซือรายนี้ แต่ในเวลาต่อมา หลุยส์ ปิเมนต้า ก็สร้างชื่อให้เป็นที่รู้จัก และขวัญใจแฟนบอลอุลตร้าของทีมอย่างรวดเร็วด้วยการพาทีมเลื่อนชั้นจากดิวิชั่นสามสู่ดิวิชั่นสอง, จากดิวิชั่นสองสู่ดิวิชั่นหนึ่ง
เท่านั้นไม่พอ ในซีซั่นนี้ เฮดโค้ชคนเก่งยังพาทีมทะลุเข้าไปชิงเกมเพลย์ออฟเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดนัดชิงกับทีม ยอร์ฟ ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้อีกต่างหาก!
“ผมภูมิใจนะที่การเสี่ยงของผมนั้นได้ผล” นายสเตน กล่าว “ผมเชื่อใจในตัวของ หลุยส์ ตลอดมา และเขาก็ตอบแทนความไว้วางใจที่ผมมี”
กล่าวได้ว่านี่คือผลงานชิ้นโบว์แดงของแข้งวัย 34 ปี ซึ่งในเกมรับของทีมนั้นก็มี “เอสเปน นายสเตน” นี่แหละที่เป็นหัวใจสำคัญ
ซึ่งเมื่อถูกถามว่าแล้วแบบนี้การตัดสินใจต่างๆในสนาม เป็นเจ้าตัวหรือผู้จัดการทีมกันแน่ที่ทำการตัดสินใจ!?

เรื่องนี้นายสเตนก็ได้บอกกับเราว่า “ในสนาม หลุยส์นั้นคือเจ้านายผม เขาสามารถสั่งการอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ ทว่ากับนอกสนามแล้วผมเป็นคนควบคุมทั้งหมด!”
“ยามลงเล่นผมก็คือนักเตะคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยอารมณ์ และความมุ่งมั่น แต่กับนอกสนามนั้น อันที่จริงผมก็ปฏิบัติตัวไม่ต่างกันนักหรอก ผมให้โค้ชตัดสินใจในหลายๆเรื่องเสมอ”
“ในออฟฟิศพวกเรามีการทำงานกันด้วยบรรยากาศที่ดี และเต็มไปด้วยความสัมพันธ์อันดีต่อกัน”
ทว่าเดี๋ยวก่อน! อิทธิพลของนายสเตน ยังไม่จบเท่านั้น เพราะนอกจากเจ้าตัวจะคุมกุนซืออีกทีแล้ว ปราการหลังรายนี้ยังทำหน้าที่คอยบริหารจัดการในหลายๆเรื่อง รวมถึงวางนโยบายให้กับสโมสรด้วย
ซึ่งในตอนนี้ผู้อำนวยการทั่วไปมากอำนาจก็ได้เผยว่า ตนเองนั้นยังต้องการให้ผู้จัดการทีมดันแข้งเยาวชนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ให้มากกว่านี้

“โค้ชทีมชุดใหญ่ต้องคิดถึงสิ่งที่ดีที่สุดให้ทีมเสมอ หน้าที่ของผมก็คือ ผมต้องคอยเทคแคร์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับทีมสำรองรวมถึงทีมเยาวชนด้วยเช่นกัน”
“ผมไม่เห็นด้วยที่เรานั้นให้เหล่าดาวรุ่งพัฒนาฝีเท้าอยู่แต่ในระดับของพวกเขาเอง เราต้องไม่วางนโยบายแค่เกมถัดไป แต่ต้องคิดถึงในอีก 1-2 ปีข้างหน้าด้วย แต่ในตอนนี้เขา(ผู้จัดการทีม) ถือว่าทำได้ดีพอสมควร ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องมานั่งถกประเด็นนี้ในตอนนี้”
อาจดูเผด็จการไปหน่อย แต่เรียกได้ว่าแนวคิดของ นายสเตน นั้นดีใช่ย่อยเลยจริงๆ ก่อนจะจากไปกันไป สุดท้ายนี้เมื่อถูกถามว่า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเฮดโค้ชของทีมนั้นเกิดดร็อปเจ้าตัวออกจากทีม!?
เรื่องนี้ทำเอาแข้งวัย 34 ปีถึงกับยิ้ม ก่อนจะยิงมุขเด็ดทีเล่นทีจริงว่า
“เชื่อผมเถอะ เขาไม่กล้าทำหรอก แต่ถ้าเขาทำเช่นนั้น ชีวิตเขาจะหาไม่แน่นอน!”


