
“ผมแอบเซ็งเล็กน้อยกับฟอร์มการเล่นในวันนี้ เรามีโอกาสปิดเกมหลายครั้งแต่สุดท้ายกลับทำไม่ได้ เราควรเด็ดขาดกว่าเดิมเพราะหาก กูร์กตัวส์ ไม่เซฟเราคงชวดสามแต้มไปแล้ว” – อันโตนิโอ คอนเต้
ยังคงมาดถ่อมตัวตามสไตล์ในการเปิดใจกับผู้สื่อข่าว ด้วยการชี้ว่าทีมของตนยังมีจุดบกพร่อง โดยเฉพาะเกมรุกที่ยิงทิ้งขว้างจนเกือบทำให้ค่ำคืนที่ สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ นั้น เชลซี หวิด “ไม่ลงเอย” ด้วย 3 คะแนน
เกมนี้ “สิงห์บลูส์” บุกมาเยือนในฐานะทีมศักดินาที่เหนือกว่า หลังรั้งจ่าฝูงก่อนเกมนัดนี้ สถานการณ์ช่างตรงข้ามกับ “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ ที่ไร้ทรงสุดขีด จมปลักอันดับบ๊วยของตาราง
เรียนตามตรงครับว่า ระหว่างเกมนัดนี้ ผมเปิดคู่นี้สลับกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่มิคิวไปเยือนอีกหนึ่งทีมจากแดนอีสานเช่นเดียวกันอย่าง มิดเดิลสโบรห์ ด้วยความมั่นใจเต็มประดาว่า “สิงห์บลูส์” ไม่น่าพลาดสามแต้มแน่
จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดปาฏิหาริย์กับลูกทีมของ เดวิด มอยส์
แล้วก็เป็นไปตามคาด! ฉับพลันที่เสียงนกหวีดเริ่ม เชลซี ของ คอนเต้ ก็บรรเลงเพลงแข้งใส่เจ้าถิ่นไม่ยั้ง แม้จะไม่ถึงกับสร้างอันตรายให้ ซันเดอร์แลนด์ ได้มากควร ทว่าช็อตยิงของ ดิเอโก้ คอสต้า รวมถึงลูกที่ล้ำหน้าไปก่อนของ เปโดร ก็ทำให้สาวก “แบล็ค แคตส์” หลายรายต้องอ้าปากด้วยความเสียว
กระทั่งในที่สุดแล้ว ประตูแรกก็บังเกิดนาทีที่ 40 เชส ฟาเบรกาส ฝากบอกไปที่ วิลเลี่ยน ก่อนที่แข้งชาวบราซิเลี่ยนจะไหลบอลกลับมาให้แล้วซัดเรียดเสียบเสาสองเข้าไป
ช็อตนี้ทำให้ผมมั่นใจทันทีครับว่า หากครี่งหลังเริ่มเมื่อไหร่ “แมวดำ” ได้ “เละเป็นโจ๊ก” แน่
โลกของฟุตบอลช่างยากแก่การคาดเดาเสมอ เข้าสู่ 45 นาทีหลังจริงๆกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่คิดนั้น “ผิดถนัด”
ถึงจะเป็น เชลซี ที่ครองเกมเป็นส่วนใหญ่และมีโอกาสยิงหลายครั้ง แต่ในเกมนี้การจบสกอร์ของลูกทีมคอนเต้ กลับทำได้น่าผิดหวัง และทำให้แฟนบอลในสนามที่อุตส่าห์เดินทางมาเยือนต้องเซ็งกันเป็นแถบๆ
เชลซี มีโอกาสปิดเกมแบบที่นายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนให้สัมภาษณ์หลังแมตช์ แต่ก็เป็นพวกเขาเองนั่นแหละที่ทำไม่ได้ กระทั่งเกือบทำตัวเองซวยหลังช่วงท้ายเกม แพทริก ฟาน อัลโฮลท์ หวิดยิงเข้าจากนอกกรอบเขตโทษ แต่ กูร์กตัวส์ พุ่งปัดออกได้ฉิวเฉียด
เกมนี้ ซันเดอร์แลนด์ ไม่มีอะไรเลยครับ เป็นอีกครั้งที่ เดวิด มอยส์ แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวนั้น “หมดกึ๋น”เมื่อไม่พยายามบุกอะไรเลยทั้งที่ทีมตามหลังอยู่
แต่ก็อีกนั่นแหละ ช็อตหวาดเสียวช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้ายก็เป็นอุทาหรณ์สอนใจจ่าฝูง ณ เวลานี้เช่นกันว่า แม้ในวันที่คู่แข่งนั้นไร้พิษสง และท่าทีที่จะสร้างความอันตราย
พวกเขาก็ไม่ควรที่จะ “ประมาท”
ทว่าชนะก็คือชนะ จบเกมนี้ เชลซี เฉือนชนะตามคาด ถึงสกอร์จะดูน้อยกว่าความเป็นจริงหน่อยแต่ 3 แต้มก็คือ 3 แต้ม ชัยชนะเกมนี้ทำให้ “สิงห์บลูส์” ทิ้งห่าง อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล 6 คะแนนให้แล้ว ในขณะที่การแข่งขันใกล้เดินมาถึงครึ่งทาง