มีเพียงชื่อของ ลีรอย ซาเน่ สตาร์ดาวรุ่งทีมชาติเยอรมัน, จอห์น สโตนส์ ปราการหลังอนาคตไกลทีมชาติอังกฤษ และอีกหนึ่งชื่อที่ทำให้ทุกคนสงสัยคือ กาเบรียล เฮซุส
เฮซุสไหน?

กาเบรียล เฮซุส ที่ว่านั้น อาจจะไม่ใช่นักเตะที่เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง แต่ในบราซิลแล้วเวลานี้เจ้าหนูวัย 19 ปีรายนี้คือ The Next Big Thing ของประเทศต่อจาก เนย์มาร์ และทั้งสองคือความหวังสูงสุดสำหรับคนทั้งชาติในศึกฟุตบอลโอลิมปิก
แต่ถึงความหวังนั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ดาวยิงพรสวรรค์สูงไม่ได้รู้สึกกดดันแต่อย่างใด เพราะสำหรับเขาชีวิตกับฟุตบอลคือสิ่งเดียวกันอยู่แล้ว
“นั่นคือสิ่งที่ผมเกิดมาเพื่อมันอยู่แล้ว” เจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวแห่งลีกแซมบ้า กัมเปโอนาโต้ บราซิเลยโร่ กล่าว
กาเบรียล เฮซุส เป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งอายุน้อยที่ถือเป็นกรณีหายากอย่างยิ่งในปัจจุบัน เนื่องจากไม่ได้ผ่านระบบการฝึกฝนในอคาเดมี่ของสโมสรฟุตบอลชั้นนำของประเทศเหมือนอย่าง พัลไมรัส ต้นสังกัดปัจจุบันของเขา

หากแต่เริ่มมาจากการเตะฟุตบอลเล่นบนถนนในแถบบ้านเกิด ยาร์ดิม เปรี ก่อนจะได้เล่นในลีกสมัครเล่นของเซา เปาโล (ฟุตโบล เด วาร์เซีย) ซึ่งเป็นลีกที่เล่นกันโหดมากและส่วนมากต้องเผชิญหน้ากับนักเตะที่อายุมากกว่าทั้งสิ้น
“ผมเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และหลังจากนั้นก็ได้เล่นในวาร์เวีย” เฮซุส ซึ่งต่อมาได้ย้ายมาอยู่ในอคาเดมี่ของพัลไมรัสเมื่อปี 2012 “บางครั้งผมต้องเล่น 3-4 แมตช์ต่อวัน แต่ผมยังอยากจะเล่นอีก”
“ปกติผมจะเล่นจนรู้สึกว่ากล้ามเนื้อของผมรับไม่ไหวแล้ว แต่นั่นคือฟุตบอล ผมไม่สามารถที่จะสนใจในเรื่องอื่นได้อีก ผมไม่สนใจในเรื่องการไปเที่ยวหรือการไปปาร์ตี้ สำหรับผมผมคิดถึงแค่เรื่องของการลงสนามเท่านั้น ผมคิดถึงการซ้อม การลงเล่น และถึงจะกลับบ้านในหัวของผมก็มีแต่ฟุตบอลตลอดเวลา ผมคิดว่าผมติดฟุตบอลมากจริงๆ”

โชคดีสำหรับ เฮซุส ที่ครอบครัวของเขาให้การสนับสนุน โดยเฉพาะคุณแม่ของเขา เวร่า ที่ยินดีอย่างยิ่งที่จะให้ลูกชายได้มีความสุขกับเกมฟุตบอลที่งดงามตามที่เขาต้องการ และการสนับสนุนของแม่ทำให้ลูกชายคนนี้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดและกลายเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ร้อนแรงที่สุดของบราซิล
ในขวบปีที่ 2 ของการเล่นฟุตบอลอาชีพ เฮซุส ทำได้ 10 ประตูจาก 14 นัดในลีก ทำให้พัลไมรัสเป็นจ่าฝูงเวลานี้ และมีโอกาสคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 22 ปีนับตั้งแต่ได้แชมป์ครั้งสุดท้ายในปี 1994 โดยเขายังทำได้ 4 ประตูจาก 5 นัดที่ลงเล่นในโคปา ลิเบอร์ตาดอเรส คัพ ด้วย
แต่ผลงานดังกล่าวสำหรับ เฮซุส ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้พัลไมรัสประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะผลงานในระดับลีกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีเขาทำได้ถึง 37 ประตูจากการเล่น 22 นัด เรียกว่าเป็นเด็กที่เก่งเกินตัวมาโดยตลอด

“ตอนที่ผมเริ่มเล่นกับรุ่นที่อายุมากกว่า เขาให้ผมเล่นในตำแหน่งวิงแบ็กขวา” เฮซุส ซึ่งหยุดเล่นฟุตบอลในระดับสมัครเล่นตอนอายุ 16 ปี แต่ยอมรับว่าบางครั้งมันอดไม่ได้ที่จะไปเตะฟุตบอลเล่นกับเพื่อนๆ เล่าความหลังให้ฟัง
“แต่พอถึงเวลาลงเล่นผมก็จะไปอยู่ในตำแหน่งศูนย์หน้าหรือทางปีก พอหลังจากนั้นคนในทีมก็เริ่มให้ผมได้เล่นในตำแหน่งที่เหมาะที่สุดก็คือยืนข้างหน้าและสู้กับบรรดากองหลังร่างยักษ์
ประสบการณ์จากการเล่นใน วาร์เซีย สอนเขาได้มาก มันทำให้เขาไม่มีความกลัวหลงเหลือ “ในวาร์เซียไม่มีใครเตะกันเล่นๆ กองหลังพร้อมจะเข้าเสียบเพื่อหักขาเรา ต่างจากฟุตบอลอาชีพที่ถึงจะเข้าสกัดเหมือนกันแต่ก็จะนิ่งกว่า แต่นอกเหนือจากนั้นผมยังคุ้นเคยกับการเล่นในสนามที่เละเทะ ผมแค่อยากจะบอกว่าเด็กๆสมัยนี้เล่นกันง่ายกว่ามาก พวกเขาเล่นกันในสนามหญ้าเทียม”

เฮซุส ผ่านการเล่นทัวร์นาเมนต์ระดับชาติมาแค่ครั้งเดียวในรายการฟุตบอลโลกรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี เมื่อปี 2015 ที่นิวซีแลนด์ ซึ่งครั้งนั้น “อา เซเลเซา” ไปถึงรอบชิงชนะเลิศแต่พ่ายต่อ เซอร์เบียไป 1-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
“ครั้งนั้นเราทำได้วิเศษถึง 99 เปอร์เซ็นต์ แต่เราขาดอีกแค่เปอร์เซ็นต์เดียวที่จะทำให้ทุกอย่างได้สมบูรณ์ โชคร้ายสำหรับพวกเรา แต่พวกเขาก็สมควรจะได้เป็นแชมป์ แต่ยังไงผมคิดว่าเราพอใจกับฟอร์มการเล่นของเราเองนะ”
ถึงจะดูผ่านอะไรมาเยอะ ก็ยังมีอะไรอีกแยะที่ เฮซุส จะได้เรียนรู้ โดยเฉพาะเกมในระดับสูงสุด เริ่มจากฟุตบอลโอลิมปิกที่จะเริ่มในเร็วๆนี้ ซึ่งแฟนๆเฝ้ารอที่จะเห็นเขาจับคู่กับ เนย์มาร์

แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา “ถึงเขาจะเป็นซูเปอร์สตาร์ เป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในโลก แต่สำหรับผมมันเป็นเรื่องปกติ ผมไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ผมแค่อยากจะลงสนามเพื่อช่วยทีม ผมทำได้แล้วกับพัลไมรัส และตอนนี้ผมก็อยากจะทำให้ได้กับ เซเลเซา”
ส่วนหลังจากนี้คือฟุตบอลในยุโรปที่ค่อนข้างแน่ชัดว่าเขาจะย้ายไปอยู่กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หนึ่งในกุนซือที่เก่งที่สุดในโลก
ด้วยพรสวรรค์ ความมุ่งมั่น และความทะเยอทะยานที่มี เฮซุส มีโอกาสจะเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดของโลกอย่างแน่นอน

